สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง

วันนี้ไปกันที่จังหวัด Wakayama เปลี่ยนแนวเที่ยวแบบเดิมๆ หนีเมือง หนีแสงสีเสียงและความวุ่นวาย นั่งรถบัสตรงลึกเข้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ เข้าไปสัมผัสชีวิตแบบชนบทของญี่ปุ่น…

ที่ “Farm Stay Jugemu” เมือง Nachi Katsuura , Wakayama กันครับ

ข้อมูลที่พัก
https://airbnb.com/rooms/3689091

แจกฟรีส่วนลด! คลิกแล้วสมัครไอดีใหม่จองครั้งแรกลด1,200 บาทเลยครับ
https://bit.ly/duetbnb

เริ่มต้นการเดินทางของทริปนี้กันที่ เมือง Osaka ศูนย์กลางของภูมิภาค Kansai เช่นเคย
สำหรับการเดินทางไปยังเมือง Nachi Katsuura จะต้องมาขึ้นรถไฟ LTD.Express Kuroshio
จากสถานี Shin-Osaka วิ่งผ่านจังหวัด Wakayama ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ลงที่สถานี Kii-Katsuura

Pass รถไฟที่แนะนำ : JR Kansai Wide Area Pass / JR Kansai-Hiroshima Area Pass

ด้วยความที่เป็นเส้นทางเลาะชายฝั่งของภูมิภาคนี้ ระหว่างทางเราจึงได้ชมวิวทะเลกันเรื่อยๆ
ออกกันแต่เช้า แวะซื้อข้าวกล่องรถไฟ Ekiben ขึ้นมานั่งทานไป ชมวิวสวยงามกันไป

ถึงที่หมายกันที่สถานี Kii-Katsuura ประมาณบ่ายโมงครึ่ง ใช้เวลา 4 ชม. … จะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานมันก็นาน !! 

ก่อนที่เราจะเข้าไปยังที่พัก Farm Stay Jugemu ช่วงเย็น ยังมีเวลาเหลืออยู่ เที่ยวในเมือง Nachi กันก่อนได้ ให้เดินข้ามจากสถานีรถไฟมาซื้อตั๋วรถบัสที่สถานีรถบัสตามภาพนี้ได้เลย
ใครที่จะไปเที่ยวศาล Kumano Nachi / น้ำตก Nachi / Seiganto-ji ซื้อตั๋ว round trip ไป-กลับ 1,000 เยน

นั่งรออยู่ไม่นานรถบัสก็มาถึง เบอร์ 31 นะครับ คันที่ไป Nachi Falls เช็คตารางหรือถามพนักงานได้เลย

สำหรับใครที่มีเวลาแนะนำให้ลงป้าย Daimonzaka เพื่อเดินไปตามเส้นทางแสวงบุญทะลุไปโผล่ที่
ด้านหน้าของศาลเจ้า Kumano Nachi Taisha พอดี แล้วเดินเข้าวัดต่อมายังน้ำตก Nachi
ส่วนใครที่เวลาน้อยนั่งเลยมาลงที่ป้าย Nachi Falls (Nachi no taki mae) ได้เลยครับ
เราเลือกทางเลือกที่สอง เนื่องจากต้องรีบกลับลงไปให้ทันรถบัสเข้าหมู่บ้าน

เดินลงมาจากหน้าทางเข้าน้ำตก Nachi no taki ไม่ไกล ก็ถึงตัวน้ำตก ด้านในเป็นศาล Hiro-jinja
ซึ่งไม่มีตัวศาลเจ้า แต่ใช้น้ำตกนาชิเป็นแท่นบูชาแทน น้ำตกแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
ด้วยความสูงถึง 133 เมตร เชื่อกันว่าน้ำจากน้ำตกที่กระเซ็นใส่จะทำให้อายุยืนยาว :O

เดินกลับขึ้นมาจากน้ำตกแล้วขึ้นไปตามทางต่อเพื่อไปยังวัด Nachisan Seiganto-ji กันครับ
เส้นทางขึ้นไปตรงนี้ลาดชันและไกล อาจลำบากผู้ใหญ่นิดหน่อยครับ

ถึงกระนั้นแล้ว … คุณแม่ก็ยังสู้ตายคร่า !!

เมื่อเดินขึ้นมาถึงด้านบน ได้เห็นวิวหลักล้านแบบนี้ บอกเลยว่าหายเหนื่อย
ภาพของเจดีย์วัด Seiganto-ji สีแดง ตัดกับทิวทัศน์ที่มองเห็นภูเขาและน้ำตก Nachi ด้านหลัง
สวยงามตราตรึงใจจริงๆครับ วัดแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกด้วย!


หากมาในวันที่หมอกลงก็จะได้ภาพที่สวยงามไปอีกแบบ

เสร็จจากเที่ยว Nachi กันเป็นที่เรียบร้อย เรานั่งรถบัสกลับลงมาที่สถานี Kii-Katsuura
เพื่อรอรถบัสเข้าไปยังหมู่บ้าน Irokawa ซึ่งจะมาจอดด้านหลัง Supermarket ในเมือง
วันนึงมีรถบัสขึ้นไปสามรอบ 8.00 / 13.05 / 17.35 น. เท่านั้น เป็นรถตู้เล็กๆสีขาว

จากสถานี นั่งรถเข้ามาประมาณ 1 ชม. ขึ้นลงหุบเขาหลายโค้งอยู่เหมือนกัน ก็มาถึงที่
หมู่บ้าน Irokawa (Irokawamura) เรามาถึงกันก็เกือบทุ่มนึงแล้ว
ทักทายกับ Chizuru San และ Shinya San เจ้าของที่พักเสร็จก็เตรียมกินมื้อเย็นกันเลย

กิจกรรมอย่างแรกที่ได้ทำกันที่นี่ก็คือ หุงข้าว กันด้วยเตาแบบญี่ปุ่นโบราณครับ
เค้าจะสอนวิธีให้ตั้งแต่จุดไฟ ติดเตา คอยเติมฟืน และใช้กระบอกไม้เป่าลมปู๊ดๆ ให้ไฟแรง

ข้าวญี่ปุ่นที่หุงจนสุกด้วยหม้อแบบนี้ บอกเลยว่าอร่อยกว่าข้าวตามร้านในเมืองหลายเท่าเลยครับ
เหนียวหนึบหนับ มีกลิ่นหอมที่ควบแน่นอยู่ทุกเม็ดข้าว กินเปล่าๆยังได้เลยครับ นต.จะไหล

ใครที่จองมาพักที่นี่จะรวมอาหารมื้อเช้า-เย็นไว้แล้วนะครับไม่ต้องห่วง มื้อเที่ยงซื้อเพิ่มก็ไม่แพง
อาหารฝีมือของ Chizuru San อร่อยมากครับ ที่สำคัญใช้วัตถุดิบออร์แกนิค สดๆใหม่ๆ
ผักต่างๆก็ปลูกเอง ปรุงแบบรสอ่อนๆ ผักกาดต้มกับเนื้อหมูหวานอร่อยมาก
ซาซิมิปลาทูน่าก็ใช้เนื้อปลาสดใหม่จากตลาดในเมือง Nachi ที่โด่งดังเรื่องปลาทูน่า อร่อยเหาะจริงๆ

ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านที่ลึกเข้ามาท่ามกลางหุบเขา กลางคืนจะมืดมากๆรอบๆบ้าน
ทำให้มองเห็นดวงดาวได้เต็มท้องฟ้า ถ่ายภาพดวงดาวมาฝากกันครับ

หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็อาบน้ำเตรียมขึ้นนอนกัน ห้องน้ำที่นี่จะเป็น Shared bath
แต่จริงๆก็เหมือน Private เพราะเค้าจะรับแขกเพียงครั้งละ 1 กลุ่มเท่านั้นครับ
ลงมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเข้าห้องน้ำได้ที่ด้านล่างแล้วค่อยขึ้นไปนอน

เดินขึ้นบันไดมาถึงหน้าห้องนอนก็ต้องตกใจ
ที่ได้เห็นรูปองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตั้งและแขวนอยู่
น่าประทับใจมากที่มาถึงญี่ปุ่นก็ยังได้พบกับคนที่นับถือพระองค์ท่านนะครับ
จากที่ได้คุยกับ Chizuru San จึงทราบว่าเค้าเคยอาศัยที่ประเทศไทยบ้านเรากว่า 8 ปีเลยทีเดียวครับ!
ทำให้เป็นอีกเหตุผลที่คนไทยน่าไปเที่ยวที่นี่ เพราะ Host พูดไทยได้ด้วย สื่อสารกันง่ายมาก !!

บรรยากาศภายในห้องนอนของพวกเรา จะเป็นสไตล์ญีปุ่นผสมคันทรีนิดหน่อย
มีโต๊ะอุ่นขา Kotatsu ให้ได้ใช้งานด้วย นั่งสอดขาเข้าไปโคตะระฟินครับขอบอก …
ปูฟูกนอนพื้นห้องเสื่อทาทามิ อากาศเย็นไม่ต้องเปิดแอร์เลย หลับสบายมากครับ

ตื่นเช้ามาอากาศหนาวมากก คุณสิชาขอซุกตัวพักผ่อนในโต๊ะโคทัตสึต่ออีกแปป
สบายจริงโต๊ะนี้ใครได้ลองแล้วจะติดใจฮะ

Breakfast วันนี้เป็น ข้าวต้มหมู (เหมือนโจ๊ก แต่เค้าบอกว่าข้าวต้ม) กับไข่เจียว Tamagoyaki
มีพวงเครื่องปรุงแบบไทยให้ด้วย อร่อยทั้งข้าวต้มทั้งไข่เจียวเลยครับ

ทานข้าวเสร็จแล้วเก็บบรรยากาศรอบๆที่พักตอนเช้ากันอีกสักหน่อย
ก่อนออกไปทำกิจกรรมของวันนี้กันต่อ ที่นี่มีกิจกรรมให้เราเลือกหลายอย่าง
เช่น หุงข้าว ผ่าฟืน เลี้ยงไก่ เก็บชา(เฉพาะช่วง) ปลูก-เกี่ยวข้าว(เฉพาะช่วง)
เดินป่า เที่ยวน้ำตก ฯลฯ

ลองพูดคุยกับ Chizuru San และ Shinya San ขอคำแนะนำตามความชอบได้เลย

ทานข้าวกันเสร็จแล้ว Shinya San นำทางเราเทรคกิ้งไปชมบรรยากาศรอบๆหมู่บ้าน Irokawa แห่งนี้กันครับ

ระหว่างทางจะได้เจอวิวสวยๆ ลำธาร ไร่นาขั้นบันได และพืชผักในไร่ในสวนที่ชาวบ้านปลูกกันไว้
ทั้งผักต่างๆ นาข้าว ต้นบ๊วย ต้นส้มยูสึ ฯลฯ รอบๆหมู่บ้านยังมีสัตว์ต่างๆอย่างลิงหรือกวางด้วยครับ

เดินไปตามทาง Shinya San ก็เล่าประวัติของหมู่บ้านนี้ให้ฟังไปพลาง
ได้ความว่าคนที่สร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นคือ Taira no Koremori ซึ่งพ่ายแพ้สงครามและหลบหนีจากเกียวโต
เข้ามาตั้งรกรากใหม่ที่นี่ท่ามกลางหุบเขา เก่าแก่นับพันปี ก็ว่าทำไมถึงมาสร้างหมู่บ้านลึกจัง

เดินไปตามทางเรื่อยๆก็จะมาถึงทางขึ้นวัด Ryuganji ซึ่งมีจุดชมวิวที่มองเห็นทั่วหมู่บ้านอยู่
วัดนี้ไม่มีพระอาศัยอยู่นะครับ มีไว้เพื่อให้ชาวบ้านมาประกอบพิธีทางศาสนา หรือเฉลิมฉลองกัน

จากตรงนี้มองลงไปจะเห็นทิวทัศน์ของหมู่บ้าน Irokawa แบบพาโนรามา สวยงามมากครับ

ใครที่อยากเอาโดรนมาบินที่ญี่ปุ่นก็ศึกษากฏระเบียบและมารยาทก่อนบินกันได้ที่นี่นะครับ
http://dronelawjapan.com/ ร่วมกับเช็ค No Fly Zone ของญี่ปุ่นให้เรียบร้อยก่อนบินครับ
หลักๆคือห้ามบินในเขตชุมชน เขตเมืองใหญ่ๆ และต้องบินอยู่ในระดับสายตามองเห็นตลอดเวลา

มองลงไปเห็นคุณยายกำลังเก็บยอดใบชาอยู่ เห็นว่าอายุกว่า 84 ปีแล้ว
ยอดใบชาที่เก็บก็ปลูกเอาไว้กินเองด้วยครับ รสชาติจะดีมากๆถ้าใช้มือคัดเลือกและเก็บแบบนี้

ถ่ายรูปร่วมกับ Shinya San ซักหน่อยก่อนกลับลงไปที่พักกัน 🙂

กลับมาถึงแล้ว Shinya San ก็พาแวะไปดูน้องไก่ประจำฟาร์มทั้ง 5 ตัวที่เลี้ยงไว้
ตัวอ้วน ขนสวย น่ารักมากครับ เดินตามกันยังกับพี่น้อง เค้าเล่าให้ฟังว่า
เลี้ยงแบบปล่อยๆให้ได้เดินอิสระกินหญ้าหาหนอนกิน และให้อาหารเพียง 2-3 วันครั้ง
ไม่ใช้สารเคมี ทำให้ไก่สุขภาพดีแข็งแรงมาก ไข่เจียวที่กินเมื่อเช้าก็ไข่ของเจ้าพวกนี้ละครับ
ออกไข่มาอร่อยมากๆ พอเลี้ยงครบ 3 ปี ก็จะไม่ออกไข่แล้วค่อยนำมากินเป็นอาหารครับ ;(

กลับเข้ามานั่งพักในห้องอาหาร เลือกสั่งเมนูมื้อเที่ยงกับ Chisuru San คนละ 500 เยน
ด้านในเจอนางกวักด้วยครับ ตลกดี

เที่ยงนี้เมนูคือ Buta udon อุด้งหมูน้ำใส เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปอร่อยหอมกลมกล่อมครับ
ส่วนของหวานเป็นขนมหนึบๆคลุกน้ำตาลคล้ายๆขนมต้มบ้านเรา ใส่ถั่วเหลืองกับสมุนไพรบดเข้ากัน

สำหรับกิจกรรมในช่วงบ่าย เราจะนั่งรถไปชมไร่ชาและโรงผลิตใบชา
ก่อนที่จะไปเดินป่าเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกกัน

Chizuru San เป็นไกด์ช่วงบ่าย ขับรถพานั่งมาไม่ไกลจากที่พักก็ถึงไร่+โรงงานชาแห่งนี้
ที่ผลิตชาชื่อดัง Ryokokuen ส่งขายทั่วญี่ปุ่นเลยครับ

คุณ Asako อุตส่าห์แวะมาเปิดโรงงานให้ได้ชมเครื่องจักรและเล่าถึงขั้นตอนการผลิตใบชาให้ฟังกัน
เค้าบอกว่าที่เครื่องจักรภายในโรงงานนี้อาจจะเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยครับ ! ซื้อใหม่ได้แล้วเจ๊ 555 !

ชมโรงงานกันเสร็จเรียบร้อย ซื้อใบชาอร่อยๆกลับไปเป็นของฝากกันแล้วก็นั่งรถกันต่อ
ระหว่างทางจะเป็นทางลัดเลาะไปตามหุบเขาเรื่อยๆ จะได้เห็นวิวสวยๆของหมู่บ้านและธรรมชาติแบบนี้ตลอด

เป้าหมายสุดท้ายของเราในวันนี้คือ น้ำตก Horyu no taki (Dragon Treasure Falls) น้ำตกสมบัติมังกร นี่เอง!! จอดรถกันหน้าทางเข้าแล้วเดินเทรคกิ้งเข้ามาประมาณ 10-20 นาทีครับ
ทางเดินลำบากพอสมควรแต่ได้ชมธรรมชาติสวยๆ ใครชอบเดินป่าห้ามพลาดคอร์สนี้เลย

เข้ามาถึงด้านในก็จะพบกับตัวน้ำตก Horyu no taki เรื่องความสูงอาจไม่เท่าน้ำตก Nachi
แต่ความสวยงามนั้นบอกเลยว่าสูสี ตัวบึงน้ำด้านล่างที่น้ำตกลงมาเป็นสีเขียวมรกต
หากมาหน้าร้อนสามารถลงไปเล่นน้ำกันได้ด้วย เสียดายลงไปตอนนี้ผมน่าจะหนาวตายครับ

เก็บภาพกับน้ำตกร่วมกับ Chizuru San เป็นที่ระลึกซักหน่อย เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดไทยเก่งจริงครับ

กลับมาถึงที่พักก็ช่วยหุงข้าวเช่นเคย อาหารเย็นวันนี้น่าทานมาก
มี สลัดผักบร๊อคโคลี่สด , ผัดหัวบุกกับลูกชิ้นปลา(ใส่พริกเผานิดๆแบบไทย)
และ ปลาทูน่าชุบแป้งทอด แบบข้างในยังสดอยู่ อร่อยหวานนุ่มมากๆครับ ทานคู่กับทาร์ทาร์ซอส
ฝีมือทำอาหารของ Chizuru San นี้ระดับ GOD จริงๆฮะ ยิ่งรวมกับวัตถุดิบออร์แกนิคสดๆเข้าไป
ข้าวนี่เติมเท่าไรก็ไม่พอจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าอาหารคลีนๆสุขภาพๆแบบนี้จะอร่อยได้ขนาดนี้

มีพบก็ต้องมีจาก งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา .. ถึงเวลากลับกันแล้ว
เช้านี้เราบอกลากัน ก่อนออกมารอรถบัสคันเดิมมารับหน้าที่พัก มีทำข้าวปั้นให้เราไปกินบนรถไฟด้วยกลัวหิว
Chizuru San และ Shinya San ทั้งคู่เป็น Host ที่น่ารัก อัธยาศัยดี และบริการพวกเราเต็มที่ด้วยใจจริง
เค้าบอกอีกว่าเราคือคนไทยกลุ่มแรกที่มาพักเลยด้วยครับ ก่อนหน้านี้ส่วนมากเป็นฝรั่งกับคนญี่ปุ่น
เคยมีก็เป็นแฟนคนไทยที่มาเที่ยวกับสามีคนต่างชาติครับ นานๆที

ก็เป็นที่เรียบร้อยกันไปนะครับ..สำหรับทริป Farm Stay รีวิวนี้
โดยรวมแล้วทริปนี้อาจเดินทางไกลและใช้เวลาในตารางเที่ยวถึง 2 วันเต็มๆ
แต่รับรองว่าคุ้มค่าเวลาแน่นอนครับ

ด้วยความสวยงามของทิวทัศน์ ธรรมชาติ,
อาหารอร่อยๆฝีมือ host, กิจกรรมสนุกๆที่มีให้ทำหลากหลาย , รูปแบบที่พักที่หาไม่ได้ในเมือง
และ Host ที่ใจดีน่ารัก พูดไทยได้ … เพียงเท่านี้ก็เป็นเหตุผลที่มากเกินพอแล้ว…

ให้คุณได้หาโอกาสมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆในที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิตกันครับ
ส่วนตัวผมบอกเลยว่า จะต้องกลับมาอีกแน่นอนฮะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมและอ่านจนจบครับ
ขอบคุณครับ

สุดท้ายนี้ …หากต้องการรับชมแบบวีดีทัศน์ กด HD ชมคลิปด้านล่างเลยครับ…

——————————————————————-

ข้อมูลที่พัก
https://airbnb.com/rooms/3689091

แจกฟรีส่วนลด! คลิกแล้วสมัครไอดีใหม่จองครั้งแรกลด1,200 บาทเลยครับ
https://bit.ly/duetbnb

——————————————————————-

หากเพื่อนๆอ่านแล้วถูกใจและเห็นว่ามีประโยชน์ ขอแรงช่วยกดlike กด share กัน
เป็นกำลังใจให้พวกเรา และให้เพื่อนๆท่านอื่นได้อ่านกันนะครับ

มีข้อสงสัยสอบถาม หรือติดตามรีวิวดีๆได้เสมอที่
https://www.facebook.com/duetdiary

Facebook Comments